บทความนี้มีหัวข้ออะไรบ้าง

16/12/2025

รวม 16 สวัสดิการพนักงานสุดว้าวที่บริษัทต้องมี เพื่อดึงดูดคนทำงานยุคปัจจุบัน

แชร์บทความนี้

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นทุกวัน การดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถกลายเป็นความท้าทายสำคัญขององค์กร สวัสดิการพนักงานจึงไม่ใช่แค่ “สิ่งที่มีให้” แต่กลายเป็น “ปัจจัยชี้ขาด” ในการตัดสินใจเลือกที่ทำงานของคนยุคใหม่

สวัสดิการของบริษัท คือผลประโยชน์เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินเดือนที่องค์กรมอบให้พนักงาน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะรายจ่ายที่คาดเดาไม่ได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน หรือการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต

ผลสำรวจพบว่าผู้สมัครงานในปัจจุบันให้น้ำหนักกับสวัสดิการมากกว่าแค่เงินเดือน หลายคนเลือกทำงานกับบริษัทที่เสนอค่าตอบแทนน้อยกว่าเล็กน้อย แต่มีสวัสดิการที่ครอบคลุมและคุ้มค่าในระยะยาว

Main points

  • ในยุคที่การแข่งขันสูงและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว พนักงานไม่ได้มองแค่เงินเดือนเป็นหลักอีกต่อไป แต่ “สวัสดิการ” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกงานและตัดสินใจอยู่กับองค์กรเดิมหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ความยืดหยุ่น และการดูแลทั้งกาย–ใจ
  • บทความได้นำเสนอสวัสดิการที่ครอบคลุมทั้งพื้นฐาน (เช่น โบนัส OT ประกันสุขภาพ) และนวัตกรรมใหม่ ๆ (เช่น วันลาพักใจ สวัสดิการด้านสุขภาพจิต อุปกรณ์ ergonomic) ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่บริษัทต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์พนักงานในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างแรงจูงใจ และเสริมความสุขในการทำงาน
  • ไม่ใช่ทุกองค์กรจะใช้สวัสดิการชุดเดียวกันได้สำเร็จ ดังนั้นบทความจึงแนะนำวิธีเลือกและออกแบบสวัสดิการให้สอดคล้องกับประเภทพนักงาน งบประมาณ และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้การลงทุนในสวัสดิการเกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยลดอัตราการลาออก และสร้างองค์กรที่น่าทำงานอย่างยั่งยืน

ทำไมสวัสดิการบริษัทถึงสำคัญต่อพนักงานยุคใหม่?

สวัสดิการบริษัททำไมสำคัญต่อคนทำงานยุคใหม่ 

พนักงานยุคใหม่มองหาอะไรมากกว่าเงินเดือน? มาดูกันว่าทำไมสวัสดิการของบริษัทจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ได้ในบทความนี้!

ลดภาระค่าใช้จ่ายจริง

สวัสดิการพนักงานบริษัทช่วยลดรายจ่ายสำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ซึ่งเป็นต้นทุนที่พนักงานต้องจ่ายอยู่แล้ว การที่บริษัทช่วยแบ่งเบาภาระนี้ ทำให้พนักงานมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น

สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว

สวัสดิการพนักงานโรงงานและองค์กรทั่วไปที่ครอบคลุมไปถึงครอบครัว เช่น ประกันสุขภาพสำหรับคู่สมรสและบุตร ช่วยให้พนักงานรู้สึกอุ่นใจว่าคนที่รักได้รับการดูแล

แสดงถึงวัฒนธรรมองค์กร

สวัสดิการที่พนักงานอยากได้สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของพนักงานอย่างแท้จริง ไม่ได้มองพนักงานเป็นแค่ “ทรัพยากร” แต่เป็น “คน” ที่มีชีวิตและความต้องการ

เช็กเลย! 10 อันดับสวัสดิการพนักงานยอดฮิต ที่บริษัทชั้นนำต้องมี ที่ดึงดูดคนทำงานมากที่สุด

ในยุคที่การแข่งขันด้านบุคลากรสูง บริษัทชั้นนำไม่ได้เสนอแค่เงินเดือน แต่ยังใช้สวัสดิการที่ ‘โดนใจ’ ที่ดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงาน มาดูกันว่า 10 อันดับสวัสดิการสุดฮิตที่คนทำงานยุคใหม่ต้องการมากที่สุด และเป็นมาตรฐานที่ทุกองค์กรไม่ควรมองข้าม!

1. โบนัสและการปรับเงินเดือนประจำปี

โบนัสประจำปีเป็นสวัสดิการที่พนักงานต้องการมากที่สุด เป็นเงินก้อนที่แยกจากเงินเดือนประจำ จ่ายตามผลประกอบการของบริษัทและผลงานของพนักงาน ทำหน้าที่เป็นทั้ง “รางวัล” สำหรับความพยายามตลอดปี และ “แรงจูงใจ” ให้ทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

การปรับเงินเดือนประจำปีเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสวัสดิการพนักงานที่สร้างขวัญกำลังใจได้ดี แสดงให้เห็นว่าองค์กรประเมินมูลค่าของพนักงานอย่างเป็นธรรม และยินดีเพิ่มค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับต้นทุนการครองชีพที่เพิ่มขึ้น

ประโยชน์สำหรับองค์กร:

  • เพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน
  • ลดอัตราการลาออกของพนักงานที่มีศักยภาพ
  • สร้างบรรยากาศการแข่งขันเชิงบวก

2. ประกันสังคม

ประกันสังคมเป็นสวัสดิการมีอะไรบ้างที่ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญ ครอบคลุมสิทธิประโยชน์หลายด้าน:

  • การรักษาพยาบาลและทันตกรรม
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน
  • เงินสงเคราะห์กรณีคลอดบุตร
  • บำเหน็จบำนาญกรณีชราภาพ
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต

สิทธิที่ได้รับขึ้นอยู่กับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายในแต่ละเดือน โดยนายจ้างและลูกจ้างจ่ายร่วมกัน สร้างความมั่นคงให้พนักงานในระยะยาว

3. วันหยุดและวันลาตามกฎหมาย

สวัสดิการพนักงานตามกฎหมายแรงงานที่ทุกบริษัทต้องมอบให้ ได้แก่:

  • วันลาพักผ่อนประจำปี: ไม่น้อยกว่า 6 วันต่อปี 
  • วันลากิจ: ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงานต่อปี
  • วันลาป่วย: ไม่เกิน 30 วันต่อปี
  • วันลาคลอดบุตร: 120 วัน (รวมวันหยุด)
  • วันลาเพื่อช่วยเหลือดูแลแม่และทารก: 15 วันทำการ
  • วันลาบวช: 60-120 วัน (ขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัท)

4. ค่าล่วงเวลา (OT)

สำหรับตำแหน่งงานที่มีโอกาสทำงานนอกเวลา การจ่ายค่าล่วงเวลาตามกฎหมายเป็นสวัสดิการพนักงานบริษัท มีอะไรบ้างที่สร้างความเป็นธรรม

อัตราค่าล่วงเวลาตามกฎหมาย:

  • วันทำงานปกติ: 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
  • วันหยุด: 2-3 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง

การจ่ายค่า OT อย่างชัดเจนช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าความพยายามได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสม ไม่ถูกเอาเปรียบ สร้างแรงจูงใจในการทำงานเต็มที่

5. ประกันสุขภาพกลุ่ม

แม้ประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลพื้นฐาน แต่สวัสดิการของบริษัทที่เพิ่มประกันสุขภาพกลุ่มจะช่วยคุ้มครองในส่วนที่สิทธิประกันสังคมไม่ครอบคลุม

ข้อดีของประกันสุขภาพกลุ่ม:

  • เลือกใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนได้
  • ห้องพักและการรักษาระดับดีกว่า
  • ไม่ต้องรอคิวนาน ประหยัดเวลา
  • ครอบคลุมค่ารักษาที่สูงกว่า
  • สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้พนักงาน

สวัสดิการบริษัทใหญ่มักขยายความคุ้มครองไปถึงครอบครัวพนักงานด้วย เป็นจุดขายสำคัญในการดึงดูดคนเก่ง

6. ค่ารักษาพยาบาลสำหรับครอบครัว

สวัสดิการพนักงานที่น่าสนใจที่ขยายความช่วยเหลือไปถึงครอบครัว แสดงให้เห็นว่าองค์กรเข้าใจว่าพนักงานมีความรับผิดชอบต่อคนที่รัก

ตัวอย่างความช่วยเหลือครอบครัว:

  • ค่ารักษาพยาบาลบิดามารดา คู่สมรส บุตร
  • เงินช่วยเหลือการคลอดบุตร (ค่าทำขวัญ)
  • เงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิต (ช่วยงานศพ)
  • ทุนการศึกษาบุตร
  • ของขวัญวันเด็ก วันปีใหม่

สวัสดิการเหล่านี้สร้างความผูกพันระหว่างองค์กรกับพนักงานในระดับลึก ทำให้พนักงานรู้สึกว่าบริษัทดูแลทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว

7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สวัสดิการพนักงานที่น่าสนใจสำหรับการวางแผนอนาคต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพช่วยให้พนักงานออมเงินอย่างมีวินัย โดยหักจากเงินเดือนเป็นประจำ พร้อมเงินสมทบจากบริษัท

ประโยชน์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ:

  • บังคับออมอัตโนมัติทุกเดือน
  • ได้เงินสมทบจากบริษัทเพิ่ม
  • ลดหย่อนภาษีได้
  • มีผลตอบแทนจากการลงทุน
  • สร้างฐานการเงินที่มั่นคงสำหรับเกษียณ

พนักงานสามารถเลือกอัตราการออมได้ตามความสามารถ และเมื่อลาออกหรือเกษียณก็จะได้รับเงินก้อนกลับคืน พร้อมผลตอบแทน

8. ประกันชีวิตกลุ่ม

ประกันชีวิตเป็นงานสวัสดิการมีอะไรบ้างที่สร้างความอุ่นใจให้พนักงานและครอบครัว โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นหัวหน้าครอบครัว

ความคุ้มครองจากประกันชีวิตกลุ่ม:

  • กรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย
  • กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
  • กรณีทุพพลภาพถาวร
  • ไม่ต้องตรวจสุขภาพ (ขึ้นกับนโยบายบริษัทประกัน)
  • เบี้ยประกันถูกกว่าซื้อเอง

สวัสดิการนี้ช่วยดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถ โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวแล้ว ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คนที่รักจะได้รับการดูแล

9. เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working Hours)

สวัสดิการพนักงานยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ชีวิต Work-Life Balance เวลาทำงานแบบยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานสามารถจัดการชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น

รูปแบบการทำงานยืดหยุ่น:

  • Flextime: เลื่อนเวลาเข้า-ออกงานได้ภายในกรอบที่กำหนด
  • Core Hours: กำหนดช่วงเวลาหลักที่ต้องอยู่ ส่วนที่เหลือจัดเองได้
  • Compressed Work Week: ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ แต่ชั่วโมงเท่าเดิม
  • Work from Home: ทำงานที่บ้านบางวันหรือทุกวัน

สวัสดิการแปลกใหม่ที่น่าสนใจนี้ช่วยลดความเครียดจากการเดินทาง ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มเวลาพักผ่อน และยังช่วยให้พนักงานทำงานในช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้คุณภาพงานดีขึ้น

10. เบี้ยขยัน และโบนัสตามผลงาน

สวัสดิการพนักงานควรมีอะไรบ้างที่กระตุ้นให้ทำงานอย่างเต็มที่ เบี้ยขยันเป็นคำตอบที่ดี

เกณฑ์การจ่ายเบี้ยขยัน:

  • มาทำงานตรงเวลาทุกวัน
  • ไม่ลาป่วย ลากิจ เกินที่กำหนด
  • ทำงานครบตามเวลาที่กำหนด
  • มีผลงานตามเป้าหมาย

เบี้ยขยันช่วยลดปัญหาการมาสาย การขาดงาน และสร้างนิสัยการทำงานที่ดีให้พนักงาน พร้อมเป็นรายได้เพิ่มให้กับคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจ

เปิดวาร์ป 6 สวัสดิการพนักงานสุดว้าว ที่บริษัทชั้นนำใช้มัดใจคนเก่ง

เดี๋ยวนี้แค่มีประกันสังคมหรือลาพักร้อนธรรมดา ๆ มันไม่พอแล้ว! บริษัทที่เขาเจ๋งจริง ๆ เขาไม่ได้ให้แค่เงินเดือน แต่ให้ “คุณภาพชีวิต” ที่ดีกับพนักงานด้วย วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า นอกเหนือจากสวัสดิการพื้นฐานที่บริษัททั่วไปมีให้ บริษัทเจ๋ง ๆ เขามีอะไรที่น่าสนใจและเข้าใจคนทำงานยุคใหม่บ้าง มาดูกัน

1. หมวดการให้รางวัลและสิ่งตอบแทนพิเศษ

  • ของขวัญต้อนรับน้องใหม่ (Welcome Kit): ได้กล่องของขวัญสุดเท่ มีอุปกรณ์ทำงานดี ๆ ต้อนรับตั้งแต่ก้าวแรก
  • ของขวัญฉลองวันครบรอบทำงาน: ทุกปีที่อยู่ด้วยกัน บริษัทจะมีของขวัญพิเศษให้ เพื่อขอบคุณที่เราทุ่มเท
  • ส่วนลดสินค้า/บริการบริษัท: ได้ซื้อของหรือใช้บริการของบริษัทในราคาถูกกว่า

2. หมวดดูแลสุขภาพ กายดี ใจพร้อม ลุยงานต่อได้ไม่สะดุด

  • อุปกรณ์ทำงานเพื่อสุขภาพ (Ergonomic Gear): บริษัทซื้อเก้าอี้ดี ๆ หรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้เรานั่งทำงานได้สบาย ไม่ปวดหลัง
  • สวัสดิการนวดและกายภาพบำบัด: บางทีมีนักกายภาพเข้ามานวดให้ที่ออฟฟิศเลย หรือออกค่านวดให้
  • สวัสดิการฟิตเนส / ออกกำลังกาย: จ่ายค่าสมาชิกยิมให้ หรือมีคลาสออกกำลังกายที่ออฟฟิศ
  • สวัสดิการด้านสุขภาพจิต (Mental Health Support): มีนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาฟรี แบบส่วนตัวสุด ๆ เมื่อรู้สึกเครียดหรือมีปัญหาชีวิต
  • Nap Room ให้พนักงานงีบพัก: มีห้องนอนเล็ก ๆ หรือเก้าอี้สบาย ๆ ให้นอนงีบสั้น ๆ เติมพลังช่วงบ่าย

3. หมวดวันหยุดและวันลา มีธุระเรื่องใจ หรือเรื่องจำเป็น ก็ลาได้!

  • ลาพักใจ (Mental Health Day): วันลาพิเศษที่เอาไว้พักผ่อนจิตใจ ไม่สบายใจ อยากอยู่คนเดียว ก็ลาได้เลย
  • ลาวันประจำเดือน: วันลาที่ให้ผู้หญิงได้พักผ่อนเมื่อมีอาการปวดท้องประจำเดือน
  • ลาเยี่ยมญาติสำหรับคุณพ่อคุณแม่: ลาไปดูแลพ่อแม่หรือคนในครอบครัวที่ป่วย
  • ลาหยุดวันเกิด: วันเกิดปีนี้ ไม่ต้องทำงาน! ลาหยุดไปฉลองได้เลย

4. หมวดเงินสนับสนุนพิเศษ เงินเปย์ ที่ช่วยให้ชีวิตไม่ติดขัด

  • ค่าที่พัก ค่าน้ำมันและค่าเดินทาง: ช่วยสนับสนุนค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถ หรือค่าเช่าที่พักให้บางส่วน
  • เงินสนับสนุนค่าไฟ / ค่าอินเทอร์เน็ต: ให้เงินช่วยสำหรับคนที่ต้องทำงานจากที่บ้าน (Work From Home)
  • เงินช่วยเหลือที่อยู่อาศัย: อาจเป็นการช่วยเหลือเงินดาวน์ หรือดอกเบี้ยพิเศษสำหรับที่พักอาศัย
  • เงินช่วยเหลืองานแต่ง งานบวช และงานศพ: ช่วยเหลือเงินในโอกาสสำคัญของชีวิต
  • งบพิเศษสำหรับซื้อของเพิ่ม Productivity: มีงบสนับสนุนให้ไปซื้ออุปกรณ์/ซอฟต์แวร์ที่เราใช้แล้วทำงานได้ดีขึ้น

5. หมวดส่งเสริมความรู้ เก่งขึ้น ได้เงินมากขึ้น!

  • Training และ Workshop: ส่งไปเข้าอบรมหรือจัดเวิร์กช็อปให้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ
  • คอร์สให้คำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน: จัดผู้เชี่ยวชาญมาสอนวิธีเก็บเงิน วิธีลงทุน ให้พนักงานมีเงินใช้หลังเกษียณ

6. หมวดอาหารและขนม อิ่มท้อง มีพลังในการทำงาน

  • อาหารเช้า อาหารกลางวัน ขนม หรือชา กาแฟฟรี: มีอาหารดี ๆ ขนมอร่อย ๆ กาแฟพรีเมียม หรือชามัทฉะ ไว้ให้กินฟรีตลอดวัน
  • เครื่องดื่มและผลไม้ออฟฟิศฟรี: ผลไม้สด ๆ เครื่องดื่มเย็น ๆ น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้เย็นๆ เติมความสดชื่นได้ตลอด
  • เมนูพิเศษในวันเกิดพนักงาน: มีการเลี้ยงฉลอง มอบของขวัญ หรือสั่งเค้กพิเศษให้ในวันเกิด

เปรียบเทียบสวัสดิการพนักงานโรงงานและออฟฟิศ

สวัสดิการของพนักงานโรงงานมักมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากสวัสดิการงานออฟฟิศ เนื่องจากความแตกต่างของสภาพแวดล้อม ลักษณะงาน และระดับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ

หมวดหมู่สวัสดิการหลักที่เน้นในโรงงาน (Field Worker)สวัสดิการหลักที่เน้นในออฟฟิศ (Desk Worker)
ความปลอดภัย/สุขภาพประกันอุบัติเหตุกลุ่มวงเงินสูง (จากความเสี่ยงเครื่องจักร), PPE คุณภาพดี, ห้องพยาบาลประกันสุขภาพ/ทันตกรรมเพิ่มเติม, ตรวจสุขภาพประจำปีเชิงลึก
แรงจูงใจ/ค่าตอบแทนเบี้ยขยัน (สำคัญต่อการควบคุมการผลิต), โบนัสตามผลผลิต/KPI การผลิตโบนัสตามผลประกอบการบริษัท, ค่าคอมมิชชัน/Incentive ตามยอดขาย
สิ่งอำนวยความสะดวกรถรับส่ง (สำหรับทำงานกะ), อาหารกลางวัน/อาหารว่าง, ห้องอาบน้ำและล็อกเกอร์Flexible Working Hour/Work From Home, อุปกรณ์ IT, สิทธิลาพักร้อนเพิ่ม
ที่พักอาศัยที่พัก/หอพัก สำหรับพนักงานต่างจังหวัด หรือค่าเช่าบ้านค่าเดินทาง (BTS/MRT) หรือที่จอดรถ

วิธีเลือกสวัสดิการที่เหมาะกับองค์กร

การออกแบบสวัสดิการให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การลอกเลียนแบบ แต่ต้องเข้าใจลักษณะธุรกิจ วัฒนธรรม และความต้องการที่แท้จริงของพนักงาน เพื่อให้เงินทุกบาทคุ้มค่า มาดูขั้นตอนและหลักเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกชุดสวัสดิการที่ลงตัวที่สุด ซึ่งช่วยดึงดูดและรักษาบุคลากรให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างยั่งยืน

วิเคราะห์กลุ่มพนักงาน

องค์กรควรศึกษาว่าพนักงานส่วนใหญ่เป็นใคร:

  • ช่วงอายุเท่าไร (Gen X, Y, Z)
  • มีครอบครัวหรือโสด
  • ระดับรายได้และตำแหน่ง
  • สถานที่อยู่อาศัย

สำรวจความต้องการ

ทำแบบสอบถามหรือสัมภาษณ์เพื่อถามว่า:

  • ต้องการสวัสดิการอะไรมากที่สุด
  • สวัสดิการปัจจุบันตัวไหนใช้ ตัวไหนไม่ใช้
  • มีข้อเสนอแนะอะไรบ้าง

ดูมาตรฐานอุตสาหกรรม

เปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันว่าเขาให้อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้สวัสดิการต่ำกว่าตลาด

คำนวณงบประมาณ

กำหนดว่าบริษัทสามารถลงทุนกับสวัสดิการได้เท่าไร โดยดูจาก:

  • กำไรสุทธิของบริษัท
  • จำนวนพนักงานทั้งหมด
  • อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง (เช่น ลด turnover ได้กี่เปอร์เซ็นต์)

หยุดมองสวัสดิการพนักงานเป็น ‘ค่าใช้จ่าย’! สร้างแรงจูงใจ พร้อมจัดเต็มด้วยสินค้าที่เติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานกับ OFM

สวัสดิการพนักงานไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่ “ค่าใช้จ่าย” แต่คือ “การลงทุน” ที่สำคัญที่สุดในทรัพยากรบุคคล การจัดสรรสวัสดิการที่ดีช่วยดึงดูดคนเก่งเข้ามาในองค์กร รักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้นานขึ้น เพิ่มแรงจูงใจและประสิทธิภาพในการทำงาน ลดภาระในการสรรหาคนใหม่ 

และสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่น่าเชื่อถือ ผลลัพธ์ที่ได้คือความภักดีของพนักงานและประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืน 

แม้การบริหารจัดการจะซับซ้อน แต่เทคโนโลยีช่วยให้ง่ายขึ้นมาก การดูแลพนักงานให้พร้อมทำงานถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการหลัก หรือแม้แต่การเตรียมอุปกรณ์สำนักงานพื้นฐาน

เลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจาก OFM เพื่อให้พนักงานของคุณมีเครื่องมือทำงานที่ครบครันและพร้อมสร้างผลงานที่ดีที่สุดให้กับองค์กรของคุณ

🎉 ข่าวดีรับสิ้นปี! ข้อเสนอสุดคุ้มจาก GoWabi x OfficeMate (OFM) 

สำหรับผู้ประกอบการและคนทำงานที่กำลังมองหาอุปกรณ์สำนักงานครบวงจรคุณภาพเยี่ยมและราคาคุ้มค่า ห้ามพลาด!

เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ:

  1. เลือกซื้อสินค้าจาก OfficeMate (OFM) ให้ครบ 499 บาท ขึ้นไป
  2. ใส่โค้ดส่วนลด OFMGWB
  3. รับส่วนลดไปเลย 15% สูงสุดถึง 150 บาท!

รีบใช้สิทธิ์ได้เลยตั้งแต่วันนี้ถึงธันวาคม 2568 (ยกเว้นสินค้าบางประเภท) ทำให้ทุกการลงทุนเพื่อธุรกิจของคุณคุ้มค่าที่สุด!

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

50+ ลายเล็บสีฟ้าสดใส สวยละมุนแบบคลีน ๆ

50+ ลายเล็บสีฟ้าสดใส สวยละมุนแบบคลีน ๆ

ลายเล็บสีฟ้าบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยเอ๊าต์! เพราะมันให้ฟีลละมุน น่ารักแบบผู้ดีอังกฤษผสมความสดใสแบบเกิร์ลเกาหลี ละลายใจสุด ๆ ไม่ว่าจะโทนฟ้าอ่อน ฟ้านม หรือฟ้าน้ำทะเล ก็ขับผิวให้ดูผ่องแบบคุณหนูสุด~ วันนี้เราเลยรวม 50+ ลายเล็บสีฟ้าสดใส สวยละมุนแบบคลีน ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ส่องไว้เป็นเรฟ พร้อมจองคิวร้านเล็บได้เลยแม่! จะงานเรียบหรูดูแพง หรือจะคิวท์เบอร์แรงใส่โบว์ใส่เพชร ก็คือมีครบ มาค่ะพร้อมแล้วไปดูกันนน 💬

50+ ลายเล็บลูกคุณหนูสไตล์มินิมอล หวานแต่ดูแพง!

50+ ลายเล็บลูกคุณหนูสไตล์มินิมอล หวานแต่ดูแพง!

ใครกำลังหา “ลายเล็บลูกคุณหนู” สไตล์มินิมอลแต่ยังดูแพงสุด ๆ ต้องเลื่อนดูบทความนี้เลยจ้า~ 🩷 รวมมาให้แล้วกว่า 50 ลาย สวยละมุนแบบไม่เว่อร์ แต่สวยแบบคุณหนูจิบชาในสวนทุกลมหายใจ! ไม่ว่าจะเล็บใสชมพูอ่อน เรียบหรูมีไข่มุกนิด ๆ หรือแต้มกลิตเตอร์เบา ๆ บอกเลยว่าทำแล้วนิ้วดูขาว มือดูมีออร่าสุด พร้อมแล้ว ไปค่ะซิส เลือกลายเล็บลูกคุณหนูที่ใช่ แล้วเซฟให้ช่างเล็บด่วน ๆ เลย

50+ ลายเล็บเจ้าสาวหลากสไตล์ ทั้งมินิมอลเรียบหรูและสวยหวานแบบเจ้าหญิงก็มี!

50+ ลายเล็บเจ้าสาวหลากสไตล์ ทั้งมินิมอลเรียบหรูและสวยหวานแบบเจ้าหญิงก็มี!

ฮัลโหลลล~ ว่าที่เจ้าสาวและสาว ๆ คนไหนกำลังมองหาไอเดียเล็บเจลที่ทั้งหวานและดูแพงแบบไฮโซสายละมุนอยู่บ้าง? วันนี้เรามาแจกพิกัดความสวยกันแบบจุก ๆ กับ 50+ ลายเล็บเจ้าสาวสุดไฮโซ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความแบ๊ว แต่คือสวยหวานแบบผู้ดีตัวแม่ เพราะ “ลายเล็บเจ้าสาว” ไม่ได้ทำให้แค่มือดูไบรท์เท่านั้นนะ แต่ยังช่วยให้นิ้วดูเรียวยาว ขาวละมุน ผิวดูดีขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์เลยแม่ และแน่นอนว่า งานแต่งทั้งที เล็บก็ต้องเป๊ะ! 👰‍♀️ เพราะเล็บคือดีเทลเล็ก ๆ ที่ทำให้ลุคเจ้าสาวสมบูรณ์แบบสุด ๆ ไม่แพ้ชุดหรือหน้าผมเลยน้า ใครที่อยากได้ลุคเจ้าสาวหวานหรูแบบคุณหนู แต่ยังแอบแซ่บนิด ๆ แบบมีสไตล์ ต้องรีบส่องด่วนเลยจ้าาา

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.